ความชื้นคือความเข้มข้นของไอน้ำที่มีอยู่ในอากาศ ยิ่งน้ำระเหยมากเท่าไหร่ความชื้นในอากาศมากขึ้นเท่านั้นและMoistureในบริเวณนั้นก็ยิ่งสูงขึ้น สถานที่ร้อนมักจะชื้นมากกว่าสถานที่เย็นเพราะความร้อนทำให้น้ำระเหยได้เร็วขึ้น humidityหมายถึงโอกาสที่จะเกิดฝน น้ำค้างหรือหมอก ปริมาณของไอน้ำที่จำเป็นต่อการเพิ่มความอิ่มตัวเมื่ออุณหภูมิเพิ่มขึ้น เมื่ออุณหภูมิของอากาศลดลงมันจะไปถึงจุดอิ่มตัวในที่สุดโดยไม่ต้องเพิ่มหรือสูญเสียมวลน้ำ ปริมาณของไอน้ำในอากาศอาจแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ

ความชื้นสัมพัทธ์ (Relative Humidity)

ความชื้นสัมพัทธ์คือปริมาณของไอน้ำในอากาศเมื่อเทียบกับสิ่งที่อากาศสามารถเก็บได้ อธิบายให้ง่ายสมมติว่าอากาศสามารถกักเก็บไอน้ำได้ 30 กรัมต่อลูกบาศก์เมตร แต่มีเพียงไอน้ำเพียง 15 กรัม ดังนั้น 15 หารด้วย 30 แล้วคูณด้วย 100 เพื่อให้ได้เปอร์เซ็นต์ 15/30 = 0.5 คูณด้วย 100 ให้เรา 50% ดังนั้นความชื้นสัมพัทธ์ในอากาศคือ 50% ซึ่งหมายความว่าอากาศมีไอน้ำรวมประมาณครึ่งหนึ่ง สิ่งสำคัญคือต้องรู้ว่าอากาศร้อนสามารถกักเก็บน้ำได้มากกว่าอากาศเย็น 

จุดน้ำค้าง (Dew Point)

น้ำค้างเกิดขึ้นเมื่อน้ำกลั่นตัวที่ระดับพื้นดินเพราะอากาศอิ่มตัว ดังนั้นค่าอุณหภูมิที่เกิดความอิ่มตัวจึงเรียกว่าจุดน้ำค้าง (Dew Point) เรามักเห็นน้ำค้างในตอนเช้าเพราะอุณหภูมิอากาศลดลงในชั่วข้ามคืน และจำไว้ว่าอากาศเย็นไม่สามารถอุ้มน้ำได้มากดังนั้นเมื่อมีการเปลี่ยนอุณหภูมิเช่นจากกลางวัน (อากาศร้อนเก็บไอน้ำได้มาก) เป็นกลางคืน (อากาศเย็นเก็บน้ำได้น้อย) ดังนั้นจึงมีน้ำค้างเกิดขึ้น 

ด้วยปัจจัยเหล่านี้มีผลต่อการอัดอากาศของปั๊มลม